วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สัมมนาข้าวกับสุขภาพ


วันที่ 28 สิงหาคม 2551 (KU Home)
เก็บมาฝากจากห้องสัมมนา ซึ่งมีหลายหัวข้อที่นำมาพูดคุย หลักๆล้วนแล้วเป็นเรื่องราวของข้าว ในบทบาทต่างๆ เช่น ข้าวเป็นเทพ(พระแม่โพสพ) ข้าวเป็นอาหาร ข้าวเป็นยา และข้าวเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางค์ และการเป็นอาหารโพรไบโอติกของข้าวหมัก
โพรไบโอติก คืออะไร เราคงจะร้องอ๋อ!!หากบอกว่าคือจุลินทรีย์ซึ่ง
- เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรค
- สามารถอยู่รอดได้ในระบบทางเดินอาหาร และมีจำนวน 100 ล้านเซล
- เมื่อรับเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลดีในการป้องกัน และรักษาภาวะที่เกิดจากจุลินทรีย์ก่อโรค
- เกี่ยวข้องกับการรักษาสมดุลย์ของจุลินทรีย์ในลำไส้

คุณสมบัติของโพรไบโอติก ก็คือ จะปลอดภัยเมื่ออยู่ในอาหาร ทนกรดและน้ำได้ดี เกาะติดผนังลำไส้ทำลายจุลินทรีย์ก่อโรคและผลิตสารต้านจุลินทรีย์

หน้าที่ของโพรไบโอติก
1.ช่วยให้ร่างกายรับสารอาหารได้มากขึ้น
2.สร้างเอมไซม์ช่วยย่อยอาหาร
3.ลดคอลเลสเตอรอล
4.ป้องกันการเกิดโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ โรคอาหารเป็นพิษ
5.กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
6.รักษาอาการท้องผูก
7.ต้านการก่อการพันธุ์และการก่อมะเร็ง

อะไรบ้างที่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารโพรไบโอติก!!

* อาหารสำหรับเด็กทารก
* ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้หมัก
* ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองและธัญพืชหมัก
* ผลไม้อบแห้งเสริมโพรไบโอติก
* ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยาทางเลือก

เขยิบเข้ามาใกล้ตัวอีกนิดสำหรับการเป็นอาหารโพรไบโอติกในผลิตภัณฑ์ข้าวหมัก ที่เราคงรู้จักกันดีก็ได้แก่

* ข้าวหมัก(หรือเราเรียกกันจนชินแล้วว่า ข้าวหมาก)
* ขนมจีนแป้งหมัก
* แป้งจี่ นั่นเอง


กลุ่มของจุลินทรีย์ที่นิยมใช้ได้แก่
Lactobacillus species และ Bifidobacterium species ส่วน Saccharomyces boulardii ตัวนี้สามารถป้องกันอาการท้องเสียจากการกินสารแอนตี้ไบโอติก ด้วยนะ

น่าจะพอเรื่องวิชาการกันหน่อย มาอมยิ้มกับความหมายของสุภาษิตที่คุณเดชา ศิริภัทรได้กล่าวในช่วงของข้าวกับชีวิตคนไทยกันดีกว่า

กล่าวว่าช่วงที่คนมีความสุขที่สุด มักพูดว่าเป็นช่วง ข้าวใหม่ปลามัน เพราะข้าวที่เก็บเกี่ยวใหม่จะหอมอร่อย ซึ่งต่อเนื่องกับฤดูน้ำหลาก น้ำจะท่วมนาปลาจะสมบูรณ์เนื้อจะมันหวาน
ข้าวคอยเคียว เปรียบได้กับหญิงที่อายุล่วงวัยสามสิบไปแล้ว คงจะต้องรอใครสักคนมาทาบทามไปเป็นคู่ครอง
ข้าวคอยฝน ก็เปรียบกับชายที่ถูกหญิงปฏิเสธ ผลัดผ่อนให้รอไปก่อน....แฮ่ะ..แฮ่ะ
แถมด้วยคำไทยแท้ เดิน เขาพูดว่า ไปตีน นะ

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ความรัก(กฤษณมูรติ)

ความกลัว มิใช่ความรัก
การเกาะอิงพึ่งพิงผู้อื่น ก็มิใช่ความรัก
การครอบครองเป็นเจ้าของ และการแสดงอำนาจเหนือ ก็มิใช่ความรัก
ความต้องการที่จะรับผิดชอบและหน้าที่ มิใช่ความรัก
ความปวดร้าวที่มิได้รับความรัก ก็มิใช่ความรัก
ความรัก มิใช่สิ่งตรงกันข้ามกับความเกลียด
เช่นเดียวกันกับความนอบน้อมถ่อมตน ก็มิได้เป็นสิ่งตรงข้ามกับความทรนง

ความรักคืออะไร?
ถ้อยคำจำจัดความของความรัก ก็ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่หรือ..

หากคุณต้องการที่จะรู้จักความรัก คุณจะต้องไม่มีแนวความคิด ความเชื่อ ไม่มีข้อคาดคะเนใดๆ เพราะเมื่อคุณมีแนวความคิดเกี่ยวกับความจริงอันหนึ่ง แนวความคิดนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ แทนที่ความจริงจะเป็นความสำคัญ อย่าได้ถูกจับขังเอาไว้ด้วยความคิดมากมาย ว่าความรักควรจะเป็นหรือไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น เมื่อคุณรักทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกต้องด้วยตัวของมันเอง ความรักมีการกระทำของมันเอง จงรักเถิด

หนทางแห่งความรัก
การที่จะมีคุณสมบัติของความเห็นอกเห็นใจ ของความเข้าใจ ของการที่จะช่วยเหลือใครสักคน อย่างเป็นไปเองโดยปราศจากแรงจูงใจใดๆ การที่จะมีเมตตาสงสารซึ่งเป็นไปเองโดยธรรมชาติ การที่จะมีความใส่ใจต่อต้นไม้หรือสุนัข การที่มีความเห็นอกเห็นใจต่อชาวบ้านโอบอ้อมอารีต่อเพื่อนของเธอ หรือต่อเพื่อนบ้าน สิ่งนี้มิใช่สิ่งที่เราหมายถึงความรักกันหรอกหรือ? ไม่ใช่ความรักเป็นภาวะซึ่งไม่มีความรู้สึกใดๆ ที่เป็นความขุ่นเคืองล่ะหรือ แต่เป็นการให้อภัยตลอดไป?

ความเรียบง่ายของความรัก
ความรักเฉยๆ อ่อนโยนสุภาพอย่างแท้จริงในการเข้าไปสัมผัสกับทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดจากการรับรู้ที่ว่องไว หมายถึงความรู้สึกที่อ่อนโยนนุ่มนวลต่อสิ่งต่างๆ ขณะใดที่คุณรับรู้ได้อย่างว่องไวและลึกซึ้ง คุณจะไม่เด็ดดอกไม้ได้เองโดยธรรมชาติ จะปรารถนาที่จะไม่ทำลายสิ่งต่างๆ ไม่ทำลายผู้คน ซึ่งหมายถึงการมีความเคารพนับถือ หรือความรักที่แท้จริงนั่นเอง

เมื่อสองชายหนุ่มเดินทางมาพบ กับปราชญ์ เพื่อจะเข้าใจความหมายของความรัก การคลี่คลายคำถามด้วยคำถามอย่างนุ่มนวลของปราชญ์ ก็เริ่มขึ้น ในหนังสือปรัชญาความรักของกฤษณมูรติ แปลโดยพยับแดด หากใครสนใจก็ยืมกันอ่านได้นะ..นะ

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเกษตรอินทรีย์ไหมเนี่ย!!?!!
….หากคุณมีความรัก...คุณก็จะไม่มีคำถามเช่นนี้....

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

งานมหกรรมสมุนไพรปี 2008


ระหว่างวันที่ 3-7 กันยายน 2551 กรีนเนทได้เข้าร่วมกับมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืนและเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกร่วมจัดงานนิทรรศการข้าวพื้นบ้าน-อาหารท้องถิ่น ที่เมืองทอง ซึ่งในส่วนของนิทรรศการก็มีการแบ่งเนื้อหาหลากหลายเรื่องพันธุ์ข้าวและอาหารที่อยู่ในนา อาทิ ชุมนุมพันธุ์ข้าวพื้นบ้านกว่า 192 สายพันธุ์, ประโยชน์นานาพันธุ์จากข้าว เช่น สาธิตการทำขนม ของเล่นจากนา, ปี่ซังข้าวที่ไม่ใช้ข้าวเคมีนะ, ข้าวกับความงาม, เรื่องเล่าตำนานแม่โพสพ, การหีบน้ำมันรำข้าว และแน่นอนขาดไม่ได้ก็เรื่องข้าวกับโลกร้อน ที่ทางกรีนเนทจะทำเป็นเกมส์ให้เข้าใจกันง่ายๆ สไตล์กรีนเนท นี้ยังคงเป็นแค่ส่วนของงานนิทรรศการเท่านั้นในพื้นที่แค่ 600 ตารางเมตร แต่สิ่งที่น่าสนใจในงานอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าคับคลั่งกันที่เดียวไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานค้า งานขายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน หนังสือทางเลือก การนวดแผนไทยจากเครือข่ายต่างๆ ถ้าใครได้มีโอกาสมาก็เตรียมฟิตร่างกายดีนะ งานนี้มีเมื่อย....ตุ้ม

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Book Review (เรียลลิตี้โชว์ไฮโซไร้สารพิษ)


เรียลลิตี้โชว์ ไฮโซไร้สารพิษ : ปฏิบัติการติดตามรัก นักล่าฝัน ….ไม่ใช่นักส่งเสริมฯนะจ๊ะ

เป็นนวนิยาย โดยผู้แต่ง คือ ชาครียา

ตราบใดที่สินค้าเกษตรอินทรีย์ ยังเข้าไม่ถึงผู้บริโภคส่วนใหญ่ เกษตรกรจะไม่ปลูกผักที่ขายไม่ได้ ดังนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังต้องทนกินผักใช้สารเคมี โดยไม่มีทางเลือกและเข้าไม่ถึงผักอินทรีย์อยู่นั่นเอง


“เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันโปรโมตเกษตรอินทรีย์ไง ถ้าเรียลลิตี้โชว์ไฮโซไร้สารพิษ ได้ออกอากาศ คนต้องรู้จักเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ก็จะ บูมๆ ๆ”
...
....พลวัต พูดเสริมพร้อมทำมือและท่าทางประกอบ


ประโยคแบบนี้ จะพบเห็นได้ในนิยายเรื่องนี้ เป็นความแปลกใหม่สำหรับคนที่ชอบอ่านนวนิยายเลยทีเดียว ไม่มีนวนิยายมากนัก ที่จะดึงเอาเรื่องเกษตรอินทรีย์ มาเขียนเป็นนวนิยาย ได้สนุกสนาน ไปพร้อมๆ กับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์


นวนิยายเรื่องนี้ มีความน่าสนใจอยู่ที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์ ซึ่งพระเอกของเรื่อง คือ ภาวิต เป็นทายาทนักธุรกิจพันล้านและเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ที่มากไปด้วยความสามารถด้านการจัดการและบริหารธุรกิจ อยู่มาวันหนึ่ง ภาวิต ตัดสินใจทิ้งธุรกิจของพ่อ เพื่อผันตัวเองไปทำเกษตรอินทรีย์ ด้วยแรงบันดาลใจทั้งหมดมาจาก คุณหญิงแม่ ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ภาวิตจึงต้องการให้คุณหญิงแม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและได้กินอาหาร พืชผักอินทรีย์ ที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัยจริงๆ “สวนเกษตรอินทรีย์คุณหญิงแม่” จึงเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ท่ามกลางความขัดแย้งของผู้เป็นพ่อเจ้าของธุรกิจพันล้านที่มีทายาทเป็นลูกชายเพียงคนเดียว


เรื่องราวความยุ่งยากไม่ได้หมดลงเพียงความขัดแย้งระหว่างผู้เป็นพ่อและลูกชายเท่านั้น แต่งานนี้ ภาวิตมีความตั้งใจจริงที่จะทำ สวนเกษตรอินทรีย์เพื่อขอรับรองจากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ หรือ มกท. กันเลยทีเดียว ความยากอยู่ที่เขาจะทำอย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองไม่รู้จักเกษตรอินทรีย์ที่จับต้องได้ในภาคสนามเลย นอกจากข้อมูลที่หาได้จากอินเทอร์เน็ตเท่านั้น “การทำเกษตรอินทรีย์มันเป็นการวัดใจและวัดความอดทนของตัวเองและคนรอบข้างครับ” ประโยคเปิดนี้จึงเกิดขึ้น..และมาจากปากของลูกเกษตรอินทรีย์พันธุ์แท้


นอกจากนั้นเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้ จะมีการกล่าวถึงขั้นตอนการทำเกษตรอินทรีย์โดยคร่าวๆ วิธีการเตรียมเพื่อตัวเพื่อขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และสอดแทรกแนวคิด การทำเกษตรประณีตและเกษตรอินทรีย์ไว้ด้วยกัน โดยมีตัวละครที่เป็นผู้รู้เกี่ยวกับเกษตรประณีตเป็นอย่างดี คือ ลุงรักษ์และลูกชาย “ต้นน้ำ” อดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เป็นลูกเกษตรอินทรีย์พันธุ์แท้ หล่อ เท่ห์ คม เข้ม งานนี้มีพระเอกสองคนเลยทีเดียว เรื่องราว สนุกสนานยังมีอยู่มากในเรื่องนี้ แม้กระทั่งการจะหาเชื้อจุลินทรีย์จากธรรมชาติจริงๆ ยังถูกนำมาพูดถึงในนวนิยายเรื่องนี้ ถ้าได้อ่านจะต้องอ่านไปยิ้มไปกับคณะทัวร์ตามล่าหาจุลินทรีย์ นี้แน่นอน


แน่นอน นวนิยายจะสนุก ต้องครบรส จะพูดถึงแต่เรื่องการทำเกษตรอินทรีย์อย่างเดียวก็คงไม่ได้ ถ้าจะเป็นแบบนั้น เราก็คงต้องเข้าไปอ่านหนังสือ ของพี่บุ๊งแทนหละจ้า ....ดังนั้น เพื่อให้มีความบันเทิงอยู่บ้างตามคอนเซปต์นิยาย จึงต้องมีนางเอกและตัวประกอบช่วยชูโรงใน การดำเนินเรื่องเพื่อความบันเทิงด้วย “กุ๊กไก่” นักศึกษาปริญญาโทปีสุดท้าย ที่ต้องมีผลงานวิจัยด้านสื่อสารมวลชนให้เสร็จภายในปีนี้ ด้วยการทำสารคดีโทรทัศน์ “ช่องทางการสื่อสารเรื่องเกษตรอินทรีย์ต่อสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ” จำเป็นต้องเข้ามามีบทบาท การสร้างเรียลลิตี้โชว์ในการทำเกษตรอินทรีย์ของพระเอกภาวิตให้กับพลวัต ผู้เป็นต้นคิดเรื่องนี้และยังเป็น ผู้ยื่นข้อเสนอให้เธอทำสารคดีเรื่องนี้แลกกับเรียลลิตี้โชว์ที่จะออกทางทีวีของเขา เรื่องราวทะเลาะเบาะแว้ง และกุ๊กกิ๊ก จึงพอมีให้เห็น อยู่บ้าง


แต่คนที่น่ารักที่สุด คือ คุณหญิงแม่ ออกแนว แหวกกระแสของสังคมและเป็นตัวชูโรงของเรื่อง


สุดท้ายภาวิตจะได้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์หรือไม่ กุ๊กไก่ จะได้สารคดีไปส่งอาจารย์ หรือ พลวัตจะได้เรียลลิตี้โชว์ไปทำรายการหรือไม่นั้น


เราคงต้องมาติดตามกัน....ว่าเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร.....


ไปหามาอ่านซะนะคะ เจ้าหน้าที่ส่งเสริม-นักล่าฝัน ทั้งหลาย....



แนะนำ blog นักส่งเสริมเกษตรอินทรีย์

เปิดตัว blog ของนักส่ิงเสริมอย่างเป็นทางการ blog นี้มีอะไรบ้าง??
เป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารจากทุกผู้ ทุกนาม ทุกสารทิศของนักส่งเสริมเกษตรอินทรีย์นั่นเอง