วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552

น้ำมีไว้สำหรับเราทุกคน (Water Harvesting)

เห็นหนังโฆษณา เรื่องนี้แล้ว....บอกไม่ถูก....รู้สึกยังไงไม่รู้



แต่มีหลายคนที่ดูเรื่องนี้ แล้ว อยากร้องไห้.....ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน



แต่เราดูแล้ว ทำให้นึกถึงงานที่ต้องทำ กับ คอนเซปต์การจัดการน้ำ ... โครงการของกรีนเนท...



ปล. ทั่นผู้ทรงคุณวุฒิในภาคสนาม ส่งแบบฟอร์มเก็บข้อมูลเทคนิคจัดการน้ำดั้งเดิมไปให้ ...เราก็รอคอมเมนท์

ไม่เห็นมีใครตอบกลับเลย จนเลย due date ไปแล้ว....ไม่มีเสียงตอบกลับ แปลว่า เห็นดีเห็นงาม

ตามนั้นฤา คะ ทุกทั่น....











วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

เมนูผักอินทรีย์

เวลาทำหน้าที่ดำเนินไปอย่างเที่ยงตรง ตามที่เราตกลงกันไว้ว่าจะมีเมนูอินทรีย์ให้ได้อิ่มอร่อยร่วมกัน กระนั้นเองเกิดขึ้นแล้วที่สำนักงานกรีนเนท (กรุงเทพฯ) ผักหลากหลายในจานมาจากหลังบ้าน พื้นที่ผืนน้อยๆนั้นเอง ทำอะไรกินกันบ้าง…ลองดู


ยำถั่วงอ
ถั่ว
อกสด 1 กก. พริกขี้หนูสด 12 เม็ด (ทุบให้แหลก) น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ กุ้งสด 300 กรัม (ลวกน้ำเดือด พอสุก)
วิธีทำ..คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน อาจปรุงรสชาติตามชอบใจ..ก็ใช่เลย



ไข่เจียวใบกะเพรา...ครับท่าน
เหตุเพรา
ะกะเพรามันเยอะๆๆๆ...555
ไข่ไก่ 3 ฟอง ซีอิ๊วขาวอินทรีย์ 1 ½ ช้อนโต๊ะ ใบกะเพราสด ½ ถ้วย
วิธีทำ..รู้ๆ
กันอยู่ว่า ตีไข่เป็นฟองฟู เติมเครื่องปรุงส่วนผสมลงไปคลุกเคล้า นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันเมื่อร้อน เทไข่ลงไป...ฮึ้ม!!ไฉไลแน่นอน

ยอดฟักทองผัดน้ำมันหอย
ยอดฟักทอง 15 ยอด(นะ)
กระเทียบทุบ ½ ช้อนโต๊ะ เครื่องปรุงรส น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาวอินทรีย์ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ...กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงไปพอร้อนใส่กระเทียม ยอดฟักทอง น้ำดื่ม 2 ช้อนโต๊ะ ปิดฝา 1 นาที เติมเครื่องปรุงรสลงไป คลุกเคล้ากัน...สุกแล้วล่ะ


แกงจืดตำลึง..ใส่เต้าหู้ด้วย
ตำลึง 2 ถ้วย
เต้าหู้ไข่ 2 อัน น้ำสะอาด 5 ถ้วย ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ...นำหม้อใส่น้ำ ตั้งไฟ พอเดือดใส่เต้าหู้ลดไปเติมเครื่องปรุงรส เดือดอีกครั้งใส่ตำลึงลงไป ..เป็นอันใช้ได้


ก็อิ่มกันไปหลายวันแล้วที่ออฟฟิตส่วนกลาง พลันถูกทักท้วงให้เรียบเรียงขึ้นจอ ก็เลยจัดมา...ขอรับที่รัก

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552

เปิดตัวพื้นที่แม่ริม

เนื่องจากทางแม่ริมได้มีการพัฒนาแล้วโดยได้เข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ทแล้วครับ จากนี้มีข่าวสารใดผมจะนำมาแลกเปลี่ยนครับ......

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552

ระหว่างทางที่เดิน


ให้ทุกวันเรียนรู้และฝึกฝน

ยังไม่ถึงกับนานนักที่ฉันเดินทางไปสถานที่แห่งหนึ่งที่เคยไปมาแล้วเมื่อสัก 4 ปีก่อน ครั้งนี้เพื่อร่วมทางไปกับเพื่อนๆที่ยังไม่เคยไป ในเส้นทางที่เคยมีประสบการณ์แล้วทำให้ฉันรู้สึกสบายๆ บันไดไม่กี่ร้อยขั้นกับผลลัพธ์ข้างหน้าคือการต้อนรับด้วยลมเย็นชื่นและภาพทิวทัศน์ที่น่าประทับใจ ถึงครึ่งทางเส้นเก่าฉันรู้สึกไม่มั่นคง เพราะหัวใจเต้นแรงและเจ็บหน้าอก เหมือนจะหายใจไม่ทัน ด้วยอากาศขณะนั้นร้อน แล้ง ไร้ร่มเงา มีเพียงฉันและน้องอีกคนหนึ่งจาก 8 คน ที่มีน้ำติดตัวมา เราแบ่งน้ำกัน ตอนนั้นฉันมองจุดหมายที่ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ฉันไม่มั่นใจเลยว่าฉันจะไปถึงได้ ด้วยอาการทางกายที่ปรากฏอยู่นั้นเหมือนชีวิตจะเปราะบาง ฉันโพร่งออกไปว่า “ไม่ไหวแล้วจะรออยู่ที่นี่นะ” หลายคนงึมงำลังเลในการไปอยู่นานคล้ายจะเกิดการถอดใจแบบอุปทานหมู่ ขณะที่ฉันมองจุดหมายและความเสียดายของหลายคนที่ยังไม่เคยไปหากจะหยุดที่นี่หรือหันหลังกลับ ฉันหันไปบอกกับเพื่อนๆว่า “ไป...เราจะไป”…รู้แล้วว่าจะไปถึงข้างบนได้อย่างไร “ให้ใจของเราอยู่กับการก้าวเดิน รู้ขณะที่ย่างเหยียบ อย่าให้ใจอยู่กับระยะทาง...ดีไหม” ทุกคนไม่ปฏิเสธที่จะทดลอง....และแล้วเราก็ไปถึง

มีความเปลี่ยนแปลงไปแล้วในสถานที่เดิม แต่สายลมเย็นชื่นยังมาต้อนรับเหมือนเคยฉันปลีกตัวไปที่มุมเดิมที่เคยนั่ง และมองภาพสวยงามอีกครั้ง สุขเพียงชั่ววูบของลมเย็นที่พัดผ่าน ฉันสูญเสียของที่รักและผูกพัน บนความรู้สึกที่ไว้วางใจและไม่คิดหวาดระแวง เวลานั้นฉันรู้สึกใจหายวาบและไม่รู้จะทำอย่างไร เริ่มว้าวุ่นอาลัยอาวรณ์ คำพระที่ว่า “สรรพสิ่งล้วนอนิจจัง”…มันไม่เที่ยง... ผุดขึ้นในหัวเพื่อปลอบใจตัวเอง เพื่อนๆเริ่มหันมาสนใจและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดกับฉัน ฉันบอก ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ดีแล้ว ดีแล้ว เดี๋ยวได้ของใหม่ เวลานั้นฉันยืนตัดใจ มองของรักที่ฉันเฝ้าถนอมตกอยู่ในมือที่ไม่เห็นคุณค่า ถูกแยกชิ้นส่วนอย่างไม่ใยดีต่อหน้าต่อตา และเวลานั้นเองน้องคนหนึ่งก็ถูกแย่งชิงของหวงแหนไปเช่นกัน ฉันตื่นจากภวังค์ไปในบทบาทใหม่ โกลาหลกันอยู่พักใหญ่ และหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามๆกัน พวกเรากลับลงมาพร้อมประสบการณ์ที่ประทับอยู่ในใจ

ไม่มีใครรู้ว่าข้างหน้ามีเหตุการณ์อะไรรอเราอยู่ และฉันไม่ทันคิดว่าในเส้นทางเดิมที่เคยประสบมาแล้วจะสร้างบทเรียนใหม่

บันไดไม่กี่ร้อยขั้นอันเก่าทำให้ฉันเห็น..สิ่งหนึ่งที่กำหนดระดับความเลวร้ายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..นั่นคือความคิดของเราเอง ความทุกข์หมองใจเกิดขึ้นเพราะเรามักเกาะติดอยู่กับสิ่งที่เราอยากให้มันเป็น ไม่ได้อยู่กับเหตุการณ์ ณ ขณะนี้ ความคิดมักพาเราท่องไปไกล ด่ำดิ่ง ไปกับสีสัน รสชาติของความสุข-ทุกข์ต่างๆนานาอย่างเคลิบเคลิ้ม

วันนี้แม้ฉันเองก็ยังเผลอคิดถึงสิ่งที่ผูกพันชิ้นนั้น...ก็เพียงรู้และกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง

เมื่อใดคิด...ก็รู้....รู้เร็ว....ก็กลับมาได้เร็ว

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

“Go Green!” มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด




“Go Green” ด้วยการให้อาหารกับโลกผ่านพฤติกรรมการบริโภคอาหารของมนุษย์จากอาหารที่ถูกผลิตโดยการใช้พลังงานต่ำ ปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนน้อยแถมยังดีต่อสุขภาพ อย่างนี้คงเรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกมากกว่า 2 ตัว






โดยทั่วไปเรามักจะได้ยินว่าการ “Go Green” นั้น จะเน้นการซื้อ การใช้ การอุปโภคสินค้าที่อยู่ในกลุ่มไฮบริดจ์ เช่น รถยนต์ไฮบริดจ์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลต่ำ เป็นต้น แต่สินค้าไฮบริดจ์ส่วนใหญ่มักมีราคาแพงซึ่งผู้บริโภคไม่สามารถที่จะเข้าถึงไฮบริดจ์ได้ทุกคน แต่การ “Go Green” แบบง่ายที่สุด ที่ทุกคนทำได้ คือ การบริโภคสีเขียว ได้แก่ การบริโภคอาหารจำพวก พืชผัก เนื้อสัตว์ขนาดเล็ก เช่น เนื้อไก่ ปลาและผลไม้ เป็นต้น เพราะมีไฟเบอร์สูง ให้ไขมันต่ำ ดีต่อสุขภาพ และควรบริโภคอาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่น เป็นอาหารที่ผลิตในระบบอินทรีย์ ไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง ลดการนำเข้าจากภายนอกหรือลดการบริโภคอาหารที่ต้องมีการขนส่งโดยใช้ระยะทางไกลๆ ลง เพื่อลดการใช้พลังงาน รวมไปถึงลดการบริโภคเนื้อสัตว์จำพวกวัว เป็นต้น เพราะอาหารที่ได้มาในลักษณะดังกล่าวมีการใช้พลังงานสูงเมื่อคำนวณตั้งแต่กระบวนการผลิตในฟาร์มสู่จานอาหารของผู้บริโภค


Bryan Walsh ได้เขียนบทความลงในนิตยสารไทม์ ฉบับเดือนมีนาคม ปี 2009 เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เปรียบเทียบปริมาณคาร์บอนหรือรอยเท้าคาร์บอน (Carbon footprint) ที่เกิดจากการผลิตและการบริโภคอาหารแต่ละชนิดในชีวิตประจำวันของคนอเมริกันไว้ ดังนี้


· ผักต้ม ปริมาณ 110 กรัม มีคาร์บอนฟรุตปริ้นท์ เท่ากับ 0.08 กิโลกรัม มีไขมัน 0.13 กรัม
· พาสต้า ปริมาณ 110 กรัม มีคาร์บอนฟรุตปริ้นท์ เท่ากับ 0.18 กิโลกรัม มีไขมัน 1.2 กรัม

· ไก่ย่าง ปริมาณ 110 กรัม มีคาร์บอนฟรุตปริ้นท์ เท่ากับ 0.6 กิโลกรัม มีไขมัน 4.17 กรัม

· ชีส ปริมาณ 110 กรัม มีคาร์บอนฟรุตปริ้นท์ เท่ากับ 1.0 กิโลกรัม มีไขมัน 37.6 กรัม

· สเต๊ก ปริมาณ 110 กรัม มีคาร์บอนฟรุตปริ้นท์ เท่ากับ 4.8 กิโลกรัม มีไขมัน 24.5 กรัม
จะเห็นได้ว่า ถ้าเราบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลงก็จะเป็นการลดคาร์บอนฟุตปรินท์ลงด้วย โดยเฉพาะเนื้อวัวที่ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลสูงถึง 80 แคลอรี่เทียบเท่าต่อการผลิตเนื้อวัวให้ได้พลังงาน 1 แคลอรี่ แต่พืชผักสีเขียวและผลไม้ที่ให้พลังงาน 1 แคลอรี่ ใช้พลังงานฟอสซิล เพียง 2 แคลอรี่เทียบเท่า (Bryan Walsh, 2009)
และเมื่อพิจารณาลงไปถึงการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม ก็จะพบว่าเราต้องผลิตอาหารสัตว์จำนวนมากเพื่อเลี้ยงสัตว์ นั่นหมายถึง ฟาร์มก็จะมีการใช้ปุ๋ยเคมีในการบำรุงพืชอาหารสัตว์ในปริมาณมากเช่นเดียวกัน ปุ๋ยเคมีเหล่านั้นก็ผลิตไนตรัสออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ พืชอาหารสัตว์ก็ผลิตมีเทน ซึ่งก๊าซเรือนกระจกทั้งสองชนิด นั้นมีศักยภาพในการทำลายชั้นบรรยากาศได้สูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 296 และ 23 เท่า ตามลำดับ

Bryan ยังระบุด้วยว่า การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศโดยภาพรวมของทั้งโลกในภาคการเกษตรมากกว่าภาคขนส่งซะอีก ซึ่งภาคเกษตรมีปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% โดยประมาณ ดังนั้น เพื่อตระหนักถึงภาวะโลกร้อนเราควรทราบถึงปริมาณคาร์บอนที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ โดยสามารถคำนวณได้ในรูปของคาร์บอนฟุตปรินท์และมากไปกว่านั้นเราต้องรู้จักเลือกประเภทอาหารที่บริโภคด้วยเพราะว่า “อาหารที่เรากินเข้าไปนั้น สำคัญพอๆ กับ ประเภทรถที่เราขับ”



วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

ความมั่นคงทางด้านอาหารศูนย์เกษตรอินทรีย์


ความมั่นคงทางด้านอาหารศูนย์เกษตรอินทรีย์
1. ถั่วแปบ
2. บวบหอม
3. ข้าวโพดข้าวเหนียว
4. พริกเครือ (พริกพื้นบ้าน)
5. ผักชีลาว
6. ผักชีหอม
7. กระเจี๊ยบแดง
8. น้ำเต้า 3 สายพันธุ์ (ลูกยาว, ลูกกลม, ลูกเต้า)
9. หอมแบ่ง
10. ผักสลัดเขียว
11. แตงโม
12. กระทกรก
13. แคร ( แดง,ขาว)
14. ถั่วมะแฮะ
15. มะเขือส้ม
16. อัญชัน
17. ผักปลัง
18. มะละกอ

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

พายุฤดูร้อน










ข่าวด่วน>>>>(แต่มาช้า)









เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 28 ที่ผ่านมา เกิดลมพายุพร้อมฝนกระหน่ำบางพื้นที่ในจังหวัดยโสธร ศูนย์เกษตรอินทรีย์ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ได้รับผลพวงจากพายุฤดูร้อนนี้ " หลังคาโรงเก็บไม้ในศูนย์ฯ ถูกลมพัดลอยข้ามไปทางเหนือประมาณ 8 เมตร หล่นไปทับหลังคาห้องครัวโรงแพ็ค ได้รับความเสียหาย" ........ค่ะ .......จบข่าว