วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

งานเข้า งานเข้า!!!

งานเข้า! งานเข้า! ประโยคยอดฮิต จากการสัมนาประจำปี ขององค์กรเรา






ฟังแล้ว...อาจ ดูน่าเบื่อนะคะ เหมือนกับว่า ทำไม ตรูต้องทำอะไรเยอะแยะไปหมด ด้วยนะ (อันนี้นู๋ก็เป็นค๊า ..สติแตกมาแล้ว ชัดเจน!!..ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! ต้องขออภัยถ้าทำให้ตกใจ..หุ หุ!)

ที่จะบอกวันนี้ ก็คือว่า มีงานเข้า ดีกว่าไม่มีค่ะ จากสัมนาเราก็คงจะรู้แล้วว่า สภาวการณ์ภายนอกเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้องค์กรเราต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ เพื่อแสวงหาการทำงานใหม่ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เสริมการทำงานของเรา พอดีไปอ่านเจอว่า มีนักโมติเวทชื่อดังของเมืองไทย แนะนำเกี่ยวกับการสร้างพลังใจในการทำงาน เอาไว้อย่างน่าสนใจ เลยอยากเล่าสู่กันฟังบ้าง เผื่อจะให้แต่ละคนพอทำใจได้กับสถานการณ์ข้างหน้าที่กำลังจะเข้ามา หรือที่เรียกง่ายๆ ก็คือ “งานเข้า” นั่นเองจ้า....อิอิ
เขาบอกว่า.....ไม่ว่าเราไปเจอกับผู้คน สถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อมแบบใดก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิธีคิดของเราทั้งสิ้นว่า เราจะมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไร... ถ้าเรามองมันในแง่บวก ชีวิตของเราก็ยังคงมีพลัง แต่เรามองมันในแง่ลบ ชีวิตของเราก็จะหมดพลัง! .. โค้ชสิริลักษณ์จึงได้แนะนำหลักคิดที่ทรงพลังแบบง่ายๆ เอาไว้ ดังนี้ค่ะ



หลักคิดแบบทรงพลัง!!!






1.เวลาที่เราเป็นทุกข์ ให้ดูคนที่แย่กว่าเรา
ให้รู้ไว้เลยว่าเราไม่ใช่คนที่เจอเรื่องเลวร้ายที่สุด อาจจะมีใครบางคนได้รับบางสิ่งบางอย่างที่แย่กว่าเราอยู่







2.ทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อให้ประโยชน์กับเราไม่วันนี้ก็วันหน้า
หลักคิดแบบนี้ทรงพลังมาก!!... การที่เราเจอความยากลำบากในชีวิต มันอาจจะทำให้เราเป็นคนขยันมากขึ้น มุ่งมั่นอดทนมากขึ้น ประหยัดอดออมมากขึ้น ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ความยากลำบากเหล่านี้อาจสร้างนิสัยใหม่ที่ดีให้กับเราก็ได้!







3.ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส
สิริลักษณ์เปรียบเปรยว่า เวลาที่ “ฝนตกหนัก” คนส่วนใหญ่ก็จะ “หลบฝน” อยู่ในบ้านหรือในอาคาร ไม่อยากออกไปไหน แต่คนที่มองเห็นโอกาสเขาจะ “ขายร่ม”
ซึ่งการสัมนาขององค์กรเราที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 12 – 15 กุมภาพันธ์ 2552 ก็น่าจะเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้เห็นมุมมองการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการเตรียมความพร้อมเพื่อการทำงานและยิ่งถ้าเราฝึกสร้างพลังใจอย่างแข็งแกร่งเข้าไปอีก ไม่แน่ว่าองค์กรเรา อาจได้เพชรเม็ดงามฉายแสงออกมาหลายเม็ดก็ได้!



4.ความหวังทำให้เรามีพลังและกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆ
แต่อย่าคาดหวังในผลลัพธ์ว่ามันจะต้องออกมาอย่างที่ใจเราอยากให้เป็น เราควบคุมการ “สร้างเหตุ” ได้ แต่เราอาจจะควบคุม “ผลลัพธ์” ของมันไม่ได้ เช่น ถ้าเราปลูกต้นไม้ แน่นอนว่าเราต้องหวังจะให้มันเติบโต ออกดอกออกผล ดกๆ มาให้เราเก็บเกี่ยว
แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือ เอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ดีที่สุด ส่วนผลไม้จะออกมาเมื่อไรนั้น เราอาจจะควบคุมไม่ได้ ถ้าเราจ้องทุกวันว่า “ผลไม้!...เอ็งควรจะออกลูกมาให้ข้าได้แล้ว” เราจะเป็นทุกข์หรือไม่



5.ใช้เวลาดูปัญหา 5% อีก 95% คิดหาวิธีแก้ไข
อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับปัญหา ให้ใช้เวลา 95% คิดหาทางออกจากปัญหาจะดีกว่า!! ให้ถามตัวเองว่า “ฉันจะแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง ?”



6.ช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นเยอะๆ แล้วเราจะรวย!!
นี่คือสุดยอดเคล็ดวิชานะคะ! โค้ชสิริลักษณ์กล่าวย้ำ โลกนี้เต็มไปด้วยปัญหา ถ้าเราสามารถช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่นได้ เขาก็จะเอาเงินมาให้เรา!... ส่วน “ความรวย” ขึ้นอยู่กับ “คุณภาพ” ของสิ่งที่เรามอบให้ และ “ปริมาณ” ของคนที่เราได้ช่วยเหลือ!!... ดังนั้นช่วย “แก้ปัญหา” ให้ผู้อื่นด้วย “คุณภาพ” ระดับมืออาชีพและช่วยให้ได้ “ปริมาณ” เยอะๆ!! .. รวยแน่นอนค่ะ!!



ซึ่งหลักการตามข้อ 6 นั้น โค้ชสิริลักษณ์ได้นำไปใช้กับองค์กรธุรกิจเอกชน แต่ถ้าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรเราอยู่บ้าง ก็ตรงที่ การช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่น ด้วยคุณภาพ หรือ ความรู้ความสามารถเฉพาะทางขององค์กรเรา ก็คงจะพอนำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้กับการทำงานขององค์กรเราได้ และทันสมัยซะด้วยสิ เพราะนอกจากงานส่งเสริม งานการตลาดแล้ว เราก็ยังมีงานบริการด้านการเป็นที่ปรึกษาด้วย ..... น่าสนใจนะคะ แม้ว่าเราไม่ได้มีปณิธานที่หวังจะร่ำรวย อะไร แต่ เป้าหมายของเรา ก็คือ การพึ่งตนเองให้ได้ เราพึ่งตนเองได้ เราก็จะมีเสถียรภาพในการทำงานมากขึ้น ขณะเดียวกัน เราก็ช่วยเหลือเกษตรกรในเครือข่ายได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน เห็นด้วยหรือไม่คะ??



สุดท้าย โค้ชสิริลักษณ์ เน้นย้ำว่า
“จำไว้นะคะว่า ...พลังใจสำคัญที่สุด!!...” ไม่ว่าเราเจอวิกฤตอะไรในชีวิต ขอให้เรามี “พลังใจ” ที่ดีอยู่เสมอ ความรู้และความสามารถของเราจะไม่มีความหมาย ถ้าเราไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร หรือถ้าถึงขนาดท้อแท้สิ้นหวัง ยิ่งทำอะไรไม่ได้ใหญ่เลย




ขอให้ทุกคนมีความสุขในการใช้ชีวิต และ ยิ้มรับกับงานที่กำลังจะเข้ามากันทุกคนนะคะ ..อิอิ..โชคดีค่ะ


2 ความคิดเห็น:

NatLumpini กล่าวว่า...

ข้างนอกมันเหน็บหนาว ถ้าข้างในเอ็นดู เปิดประตูรับหน่อยได้ไหม อิอิ++

เราบ้าพลัง โดยเฉพาะ พลัง ในการแบกข้าวสารขึ้นรถ และ ลงรถ นะ พลังโคตรๆ แต่อย่างไรก็ดี พลังใจก็เยอะนะ เพราะเรารักสิ่งแวดล้อมเป็นพื้นฐานอยู่แล้วไง ว่าแต่ว่าตอนนี้ใช้กล่องโฟมเยอะขึ้นน่ะ ชอบลืม คิดได้ตอนอิ่มแล้วทุกที :-(ทำไงดี ??

ล้อเล่นน่า:-)

องค์กรที่ทำให้หมดพลังก็เยอะนะ ตอนนี้พลังใจหมดเป็นระยะ บทความนี้ดีจริงช่วยได้ (นิดนึง) I Like

pat กล่าวว่า...

คุณพี่หม้อก้นดำ ฮับ..

บ้าพลังแบบนั้น ม่ายหวายย เหนื่อย แฮ่ก!ๆ..555+

พลังใจหมดเป็นระยะก็แวะเข้ามาดูรูป รักนะแต่ไม่แสดงออกละกานนน...จะได้มีพลังใจ ฮิ้ววววว!!!