blog รวบรวมข่าวคราว ความคืบหน้า ในงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ และการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ภายใต้สภาวะโลกร้อน
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
My life as a coach
My life as a coach
ผู้เรียบเรียง : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
จำนวนหน้า 234 หน้า
ราคา 225 บาท
My life as a coach เป็นหนังสือที่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำของ ซิคเว่ เบรคเก้ ออกมาได้เป็นอย่างดี นับว่าเขาเป็นผู้นำทางความคิด และการกระทำที่ก้าวข้ามกรอบต่าง ๆ ซึ่งทำให้องค์กรขับเคลี่อนไปได้ยาก ภายใต้ข้อจำกัดของวัฒนธรรมองค์กรเก่า ๆ ที่ทุกคนมีความเชื่อว่าเปลี่ยนไม่ได้หรอก เพราะนี่เป็นวัฒนธรรมของคนไทย ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้เห็นภาพของผู้นำที่ไม่ใช่แค่เป็นต้นแบบให้กับลูกน้องจำ และทำตามเพียงเท่านั้น แต่เขามุ่นเน้นที่การสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้พนักงานลงมือปฏิบัติ การสร้างแนวคิดที่ว่า การทำผิดพลาดไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันคือประสบการณ์และการเรียนรู้ที่มีค่า อันนำมาซึ่งแนวคิดดี ๆ ที่จะใช้ในการปรับปรุงการทำงาน แต่ตรงกันข้าม การทำผิดพลาดจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ๆ หากเรามัวแต่โทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น และไม่ยอมที่จะปรับปรุงอะไร
บทบาทสำคัญของ Coach คือ ต้องสร้างผู้นำใหม่ ๆ ขึ้นมา ไม่ใช่สร้างแต่ผู้ตาม หรือห้อมล้อมตัวเองด้วยคนที่เอาแต่พยักหน้า “เห็นด้วยครับท่าน เหมาะสมครับนาย” เพราะมันไม่มีความหลากหลายทางความคิด และคุณก็จะเป็นผู้แบกรับปัญหาทุกอย่างไว้หมด การสร้างผู้นำใหม่ซึ่งเขาอาจจะมาแทนที่คุณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ เพียงแต่คุณต้องให้ความสำคัญกับ 3 ข้อนี้ให้มาก :
1. คุณต้องมองหาคนที่มีทั้งความสามารถและทัศนคติที่ดีในการทำงาน
2. คุณต้องให้โอกาสเขาคนนั้นได้พิสูจน์ตัวเอง ให้อำนาจในการตัดสินใจ ให้เครื่องไม้เครื่องมือในการทำงาน
3. ต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่า เมื่อวันนั้นมาถึง คุณต้องพร้อมที่จะก้าวลงจากตำแหน่งและผลักดันเขาขึ้นไป
คุณเป็นคนที่กล้าฝัน ถึงสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนหรือป่าว แต่แค่ฝันคงไม่พอ เราต้องการคนที่มุ่งมั่น ตั้งเป้าหมายและหาหนทางไปให้ถึงฝันนั้นด้วย และหากคุณมีสิ่งเหล่านี้ นั้นก็แสดงว่า คุณคือผู้นำ
สำหรับฉันแล้วหนังสือเล่มนี้ เป็นต้นแบบในการทำงานเป็นอย่างดี และยังสอนให้ฉันเข้าใจว่า “ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติคน เป็นเรื่องยาก ถ้าเขาไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง” แต่ไม่ควรเครียดกับมัน ซึ่งทำให้ฉันเริ่มทำงานด้วยรอยยิ้มได้ โดยยังมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงอยู่ในใจฉันเช่นเดิม แต่เป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ การเปลี่ยนตัวฉันเองให้สนุกกับงานอย่างมีเป้าหมาย และที่สำคัญ “ถ้าวันไหนที่ฉันรู้สึกว่าไม่สามารถให้อะไรที่เป็นประโยชน์กับองค์กรนี้แล้ว หรือวันหนึ่งมีคนใหม่ที่พร้อมจะก้าวเข้ามาแทนที่ นั้นก็ถึงเวลาที่ฉันจะโบกมือลา” ซิคเว่ เบรคเก้สอนให้รู้ว่า หากจะเป็นผู้นำต้องมีความมุ่งมั่น มีเป้าหมาย เพราะนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราก้าวเข้าไปเรียนรู้ทุกอย่างที่เขามาในชีวิตอย่างไม่รู้จบ และที่สำคัญ ต้องกล้าที่จะทำผิดพลาดให้มากที่สุด เพราะนั้นหมายถึงการเรียนรู้ที่จะนำมาซึ่งการปรับปรุงงานได้เป็นอย่างดี ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้สร้างแรงบันดาลใจแห่งการเป็น Coach ให้กับฉัน เพราะสิ่งที่ท้าทายมากตอนนี้คือ ทำยังไงให้คนในทีมเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในชีวิต..........
วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สุขหรือทุกข์อยู่ที่คำ 3 คำ....โง่.....ฉลาด...จง.....
เก็บเรื่องเล่าจาก Mail มาฝากอ่านแล้วรู้สึกดี ใครมีความคิดเห็นอย่างไรแชร์ได้นะ :
โง่ ที่คิดว่า.....ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
โง่ที่คิดว่า.....ใครบางคนให้ความสำคัญกับตัวเรามากกว่าคน อื่น
โง่ที่คิดว่า..... คนที่เรารัก เค้าจะรักเราคนเดียว
โง่ที่คิดว่า..... คนที่เราดีใจเมื่ออยู่ใกล้เค้า จะไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่ สุด
โง่ที่คิดว่า..... เรามีความสำคัญกับใครคนหนึ่งมากจนเค้าขาดเราไม่ได้
โง่ที่คิดว่า..... การโกหกจะไม่เกิดขึ้นระหว่างคู่รักที่รักกันจริงๆ
โง่ที่คิดว่า..... คำหวานจากปากเค้า เค้าพูดเพราะเป็นห่วงเราจริงๆ
โง่ที่คิดว่า..... เวลาที่เราต้องการเค้าที่สุด เค้าจะอยู่กับเราเสมอ
อยากฉลาดฟังทางนี้.....
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า.......ความพยายามบางครั้งมันก้อเป็นแค่ความพยายาม
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......อย่าหวังว่าใครจะเห็นเราสำคัญมากไปกว่าตัวเค้าเอง
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คนที่เรารัก....บางทีเค้าก็มีคนที่เค้ารัก
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คนที่เราอยู่ใกล้เค้าแล้วมีความสุขอาจ เป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คำหวานจากปากเค้า เค้าพูดเพียงเพราะเค้าชอบพูดคำหวานกับใครๆ เสมอ...
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......การโกหกเกิดขึ้นตลอดเวลาไม่ว่าใคร
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คนที่เรารักอาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ไม่เคยรักเรา
ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......เวลาที่เราต้องการเค้าที่สุด อาจเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาที่เค้าหมดรักเราแล้ว
จง...เข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง
จง...อ่อนแอพอที่จะรับรู้ว่าลำพังเรานั้นทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง
จง...ฟุ่มเฟือย น้ำใจ เมื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ
จง...ประหยัดสิ่ง ที่จำเป็นไว้
จง...คิดก่อนทุกครั้ง ที่จะปล่อยเงินออกจากมือ
จง...ฉลาดพอที่จะ รู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
จง...โง่พอที่จะ เชื่อในปาฏิหาริย์
จง...เต็มใจจะแบ่ง ปันความสุขของตัวเอง
จง...เต็มใจที่จะ แบ่งรับความทุกข์ของผู้อื่น
จง...เป็นผู้นำหาก ทางที่ผู้อื่นทิ้งไว้ให้นั้นเลือนราง
จง...เป็นผู้ตามหาก ตกอยู่ในวงล้อมแห่งความไม่แน่นอน
จง...เป็นคนแรกที่ แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของคู่แข่ง
จง...เป็นคนสุดท้าย ที่จะวิจารณ์ความผิดพลาดของเพื่อน
จง...มองเพียงแค่ ก้าวถัดไปเพราะมันจะทำให้เราไม่ล้ม
จง...มองไปยังจุด หมายปลายทางให้แน่ใจ ว่าไม่ได้กำลังเดินผิดทาง
จง...ใช้เวลามอง หรือ ให้โอกาสกับตัวเองที่จะเรียนรู้คนที่เขาบอกรักคุณ
จง...รักคนที่รัก คุณ แม้อีก 5 ปี 10 ปี หรือ 50 เขาก็ยังรักคุณ
จง...รักคนที่ไม่ รักคุณแล้ว...สักวันนึงเค้าอาจจะเปลี่ยนใจมารักคุณ
จง...อย่าปล่อยให้คน ที่รักคุณหลุดลอยไป
สุดท้าย จง...อย่าหลอกตัวเอง...... อันนี้สำคัญ
วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า รัก
"ความรักชนะทุกอย่าง โดยเฉพาะความกลัว" คำพูดประโยชน์นี้ฉันได้มาจากภาพยนต์เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ภาพยนต์เรื่องนี้ได้พยายามถ่ายทอดความรักในแง่มุม ๆ ต่าง ๆ ให้ฉันได้เห็น และฉันก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า คนเราทุกคนขับเคลื่อนไปได้ "รัก" และความรักก็มีมากมายหลายหลาก ภาพยนต์เรื่องนี้ ทำให้หัวใจฉันยิ้มได้ และสิ่งเล็กๆ นี้ก็มีในหัวใจฉันเหมือนกัน ความรัก มิตรภาพ ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเดินมาได้จนถึงทุกวันนี้........และต้องเดินต่อไปอย่างเชื่อมั่น.....
วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553
The four leaf clover
ใบโคลเวอร์สี่กลีบ ใบไม้แห่งความเชื่อ และสัญญาลักษณ์แห่งความโชคดี ของคนตะวันตก
"One leaf for faith.
The second is for hope.
The third for love and the fourth for good luck."
กลีบแรกสำหรับความเชื่อและความศรัทธา
กลีบที่สอง สำหรับความหวัง
กลีบที่สาม สำหรับความรัก และกลีบที่สี่ สำหรับความโชคดี
มีคนกล่าวไว้ว่า "โชคของเราไม่ได้อยู่นอกตัวเรา แต่อยู่ในตัวของเราเอง อยู่ในความมุ่งมั่นของเรา" และคนล้มเหลวมักจะอ้างว่าโชคไม่ดี แต่แท้จริงแล้วเขาเหล่านั้นเฝ้ารอให้โชคช่วยมากกว่าที่จะช่วยตัวเองก่อน...........
กฎแห่งความโชคดีในการทำงาน
"โชคไม่ดีเลย" คำพูดนี้มักเป็นคำพูดที่ติดปากเรากันทุกคน ในเวลาที่เราเจอกับเรื่องราวที่ไม่ได้ดั่งใจ หรือพลาดหวังจากเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิดและหวังไว้ โทษว่าเป็นความผิดของโชคชะตาซะงั้น ซึ่งในบางครั้งเราก็ลืมไปว่า เราต่างหากที่เป็นผู้กำหนด โชคดี ให้กับตัวเราเอง โขคดีในด้านต่างจะเข้ามาหาคุณได้คุณต้องเป็นผู้ก้าวเข้าไปหามันอย่างมุ่งมั่น
กฎข้อที่ 1 การวางแผนก่อนใคร
กฎข้อที่ 2 ตัดสินใจเลือก ว่าเราจะอยู่ในโลกที่เศรษฐกิจหายนะหรือโลกที่มีโอกาสไม่จำกัด
กฎข้อที่ 3 มัทัศนคติเป็นนักสู้ แค่คุณเริ่มมีทัศนคติของความเป็นนักสู้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะนักสู้จะมองทุกปัญหาเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไม่ทางใดก็ทางหนี่ง
กฎข้อที่ 4 บริหารงานให้เป็น หากไม่อยากถูกปลด หรือแช่แย็น หลักสำคัญ คือ ทำให้เจ้านายขาดคุณไม่ได้ นั้นหมายความว่า คุณต้องเป็นทีมงานที่ดีและทำงานได้ตรงตามความต้องการของเจ้านาย แต่จะให้อยู่ในขั้นขาดไม่ได้หล่ะ คุณต้องทำงานได้เกินความคาดหวัง แต่อย่าคาดหวังใน
ผลของมันนะ (แต่ไม่ใช่การประจบเจ้านายนะ เพราะอย่างนั้นมันไม่ถาวร)
กฎข้อที่ 5 บริหารเงิน คุณต้องรู้จักที่อดออมเงิน แต่ในเวลาเดียวกันก็ควรหายได้พีเศษเพิ่มเติม แต่ต้องทำแบบที่ไม่เบียนเบียดเวลาขององค์กรที่จ้างคุณอยู่นะ ไม่อย่างนั้นไม่ดีแน่
กฎข้อที่ 6 ควบคุมปาก หากคุณพูดเรื่องทางลบมากเท่าไร ก็จะทำให้มีเวลาคิดเป็นผู้ชนะได้น้อยเท่านั้น และที่สำคัญบั่นทอนกำลังใจตัวเองป่าว ๆ
กฎข้อที่ 7 คุณต้องทำอะไรที่ไม่เหมือนใคร แล้วจะไม่มีคู่แข่ง (สุขที่สุดขอให้คุณแข่งกับตัวเองที่จะก้าวไปข้างหน้า อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่นเป็นอันขาด)
กฎข้อที่ 8 มันจะผ่านไปไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป ชีวิตก็เป็นอย่างนี้มีขึ้นมีลง อย่าคิดอะไรมากพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว
"สิ่งสำคัญ ในบรรดากฎที่นำเราไปสู่โชคดีนั้น มีเพียงกฎเดียวที่แน่นอน คือ การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่พบ" และอยากบอก จงรักในสิ่งที่คุณทำ หากคุณเลือกที่จะทำในสิ่งที่คุณรักไม่ได้ ......โชคดีทุกคน......
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)