วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ข้อคิดจากถังน้ำสองใบ

หลังจากทำบุญตักบาตรแล้ว จิตใจก็สดชื่นแจ่มใส แม้จะมีเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดบาง ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเล็กไปเลยถนัดตา มีเรื่องเล่าดีมาให้อ่าน หลายคนอาจเคยอ่านแล้ว ก็ไม่เป็นไรหากเราจะอ่านมันอีกครั้ง เขาว่ากันหากเรารับข้อมูลดี ๆ ซ้ำๆอยู่บ่อย ๆ ก็จะทำให้เราเป็นคนมีความสุขนะ เรื่องมีอยู่ว่า :

ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิและสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...


แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกลจากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานเป็นอย่างยิ่ง


ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ที่มันถูกสร้างขึ้นมา หลังจากเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่นและสิ้นหวัง

วันหนึ่งที่ข้างลำธาร ถังน้ำได้พูดกับคนตักน้ำว่า "ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ในถังไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน" คนตักน้ำตอบว่า "เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า... แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่.... ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถจะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้"

คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง... แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้.... สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น.. และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Forward Mail

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เคยอ่านมาก่อนค่ะ

ชอบเหมือนกัน

คนตักน้ำ....เฉียบคม ในความคิด จริงๆ

ถ้าเขาเป็นผู้บริหาร คงเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์
ถ้าเขาเป็น พ่อหรือแม่ เค้าคงเป็นพ่อแม่
ที่ประเสริฐมากๆ
ถ้าเขาเป็นเพื่อน เค้าก็คงจะเป็น เพื่อนทีน่ารักที่สุดเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ในเรื่องนี้มีหลายมุมมองให้ได้ขบคิดนะ อ่านมาแล้วครั้งหนึ่งเหมือนกัน และอยากให้คนอย่างนี้มีอยู่มาก ๆ จะได้ทำให้โลกสวยงามขึ้น