blog รวบรวมข่าวคราว ความคืบหน้า ในงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ และการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ภายใต้สภาวะโลกร้อน
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เก็บตกวัวเนื้ออินทรีย์_OAD2009
ถึงคราได้ไปดูงานด้านปศุสัตว์อีกแล้ว ที่หมู่บ้าน Aloppe Ekomat ก็เป็นชุมชนที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงเท่าไร หมู่บ้านนี้มีด้วยกัน 35 ครอบครัวด้วยกัน หมู่บ้านนี้มีคนไทยเป็นสมาชิกด้วยนะแล้วปี 2006 พี่วรรณเค้าก็ได้รางวัลเกษตรกรดีเด่นของสวีเดนด้วย สมาชิกก็มีการทำเกษตรอินทรีย์ที่แตกต่างกัน เช่น มีทั้งปลูกผักอินทรีย์ เลี้ยงสัตว์ เก็บเห็ดป่าอินทรีย์ และมีการแปรรูปคือการทำแยม และแหล่พร้อมบรรจุขายในเมืองการผลิตและแปรรูปทั้งหมดใช้ตามมาตรฐาน KRAV ทั้งหมดเลย แต่ตอนนี้ก็เล่าให้ฟังเรื่องการเลี้ยงวัวเนื้ออินทรีย์ก่อนแล้วกัน
ตามมาตรฐาน KRAV การทำปศุสัตว์อินทรีย์ที่นี้เกษตรกรจะต้องปลูกเองอย่างน้อย 75% ที่เห็นในวีดีโอวัวถูกปล่อยที่ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เกษตร ในบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่ติดกับป่า ฉะนั้นวัวก็หากินเองจากอาหารธรรมชาติและมีอาหารหยาบเพิ่มเติมจากที่เกษตรกรเค้าเอามาให้ วัวที่นี้เชื่องมาก แค่เรียกก็วิ่งมากันใหญ่ อยู่ห่างกันเกือบแปดร้อยเมตรแหนะ ดูแล้วค่อยต่างจากวัวที่เลี้ยงในคอกเหล็กจริงๆ
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เก็บตกเรื่องพลังงาน_ OAD2009
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เบิกบานกลางคลื่นลม
โดย พระไพศาล วิสาโล
ชีวิตของเราล้วนเปรียบได้กับการเดินทาง บนเส้นทางของแต่ละคน อาจจะเริ่มจากการเดินบนทางราบ สายลมเย็นที่ผ่านมาปะทะกับตัวเราผ่านมาแล้วผ่านไป ให้เรารู้สึกดี เย็นสบาย และคลายความอ่อนล้าจากการเดิน แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มเดินขึ้นเขา ทางชัน หรือมีพายุฝนผ่านมากระหน่ำ หนทางที่เราเคยเดินก็ไม่ได้ทำให้เรารื่นรมณ์เหมือนเคย แถมบางครั้งมีแต่จะโทษฟ้า โทษฝนมาทำไมหนอถึงได้ตกมาตอนนี้ แต่จะมีไหมนะที่เราหันมามองดูตัวเองว่า เราเองที่เป็นคนเลือกทางเดินเส้นนี้เอง แล้วทำไมเล่า ทีเรายังไม่ได้เตรียมร่มเพื่อป้องกันพายุฝน หรือ เตรียมที่จะดูการพยากรณ์อากาศ หนังสือ "เบิกบานกลางคลื่นลม" ก็เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของคนในสมัยนี้จริงๆ เนื้อหาของหนังสือได้รวบรวมจากการบรรยายของพระไพศาลให้แก่หน่วยงานต่างๆ เช่น สู่ชีวิตที่ดีงามและเป็นสุข(ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร), อยู่อย่างไรให้เป็นสุขในยุคเศรษฐกิจถดถอย, ธรรมะในงาน ธรรมะในใจ, ไม่ผลักไส ไม่ใฝ่หา(เนื้อหาในหลายๆเรื่องนี้เหมาะมากกับผู้อ่าน อิ อิ เพราะในยุคที่เราทำงานเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอยู่นี้ หลายครั้งที่เราหลงลืมการพิจารณาความสุขที่อยู่ ณ ปัจจุบันขณะ ใช้ปัญญา และสติในการเสพความสุขที่เราได้เป็นผู้ให้ ไม่เบียนเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนโลก ซึ่งพระไพศาลยังได้ยกตัวอย่างเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างมีความสุขไว้หลายอย่าง เช่น เด็กที่เข้าแข่งขันสะกดคำมีตัวเก็ง 2 คน แต่คนหนึ่งได้ตกรอบไป นักข่าวก็ได้ถามเด็กผู้ชายว่า "ดีใจไหมที่คู่แข่งได้ตกรอบไป" เด็กคนนั้นกลับตอบว่า "ไม่ครับ ครั้งนี้เป็นการแข่งขันกับคำ ไม่ใช่แข่งขันกับคน" มีอยู่หลายตอนที่พระไพศาลได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบสัจจะธรรมให้เห็นชัดมากขึ้นเช่นเรื่อง การรวมพลังการกัน เหมือนกับการทำงานเป็นทีม หรือที่ภาษาอังกฤษว่า "The whole is morn than the sum of its parts" หมายความว่าคุณสมบัติขององค์รวมมีค่ามากกว่าผลลัพธ์ของส่วนย่อยรวมกัน หมายความว่า 1 + 1 ไม่จำเป็นต้องแปลว่า 2 เสมอไป
ในหนังสือยังได้รวบรวมภาคสัมภาษณ์ไว้อีกเช่นกัน อาทิ ธรรมะกลางเมือง, สุขแท้ด้วยปัญญาและเพื่อนแท้-คู่แท้ ซึ่งจะเป็นบทที่ได้เรียนรู้เรื่องราวประสบการณ์ ชีวิตครั้งเมื่อยังเป็นฆราวาสของพระไพศาลอีกด้วย ทั้งนี้ก็หวังว่าผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ได้ลองค้นพบความสุขด้านในที่เราค้นหาได้ไม่ไกลตัวเพียงแต่ใจปัญญาใคร่ครวญ มีสติรู้ทันและมีความเพียรในการใฝ่รู้อย่างไม่ปิดกั้น ก็แค่นั้นเอง หนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อาจช่วยให้เราค้นพบตัวเองในมิติที่ลึกซึ้และตระหนักได้ว่า ความคิด และการวางใจของตัวเราเองก็มีส่วนที่ทำให้ตัวเราเองทุกข์มากน้อยเพียงใด การตระหนักรู้และวางใจอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เราพบทางออกจากทุกข์ที่ตนสร้างขึ้น อละสามารถรับมือกับเหตุการณืบ้านเมืองได้ดีขึ้น
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เก็บตกปศุสัตว์อินทรีย์ OAD 2009_1
หลังจากที่ห่างหายไปนาน ตอนนี้หลักสูตร OAD หรือ Organic Agriculture Development 2009 ที่Grolink เป็นผู้จัดขึ้น ณ ประเทศสวีเดนในช่วงเฟสที่ 1 ซึ่งเริ่มอบรมตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.- 26 ส.ค.แล้วก็จะมีต่อเฟสที่ 2 ที่ประเทศไทยช่วงเดือนมีนาคม 2010 ครานี้มีคนเข้าร่วมมากที่สุดถึง 29 คนจาก 14 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน, พม่า, กัมพูชา, จีน, เกาหลีเหนือ, อินเดีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เนปาล, ศรีลังกา,ไทย, ลาว
, เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ ในช่วงสองอาทิตย์แรกก็เป็นการบรรยายในเรื่องหลักการเกษตรอินทรีย์ต่างๆ โดยรวมหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด แล้วค่อยพาผู้เข้าร่วมอบรมไปดูงานในที่ต่างๆ ซึ่งก็จะพยายามเก็บเรื่องมาฝากให้ครบทุกเรื่องตามอัตภาพทางภาษาและความเข้าใจของข้าพเจ้านะคะ
ครานี้ขอเก็บตกเรื่องการเลี้ยงไก่อินทรีย์ก่อนก็แล้วกัน การบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สวีเดนเค้าจะใช้โลโก้เดียวทีเรียกว่า KRAV ซึ่งปัจจุบันเค้ามีหน่วยงานตรวจสอบรับรองอยู่ 4 แห่ง นั้นหมายถึงเกษตรกรและผู้บริโภคที่นี้ก็เค้าใช้แบบเดียวกันว่าเกษตรอินทรีย์ที่เค้าเรียกเป็นแบบเดียวกัน ในเรื่องของการเลี้ยงไก่อินทรีย์ก็ยังคำนึงถึงเรื่องการเป็นธรรมต่อสัตว์และที่มาของอาหารเป็นอย่างมาก ถ้าได้ดูในวีดีโอก็จะเห็นว่าที่เค้าเลื่อนโรงเลี้ยงไปบนพื้นหญ้า แต่ไม่ได้เป็นแค่หญ้าธรรมดาแต่เป็นการปลูกหญ้ากับถั่ว(Clover/grass)ผสมกัน ร่วมกับการทำ Crop rotation ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจที่สำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ที่นี้ ที่นี้ไม่ค่อยได้ใช้ปุ๋ยหมักเท่าไร เพราะการทำ crop rotation ได้ประโยชน์ด้านการปรับปรุงบำรุงดินมากกว่า
เกษตรกรรายนี้ได้ให้ความคิดเห็นที่ดีมากเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ไว้หลายอย่างเช่น การคอยดูแลและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ การปรับแต่งเครื่องยนต์มือสองเอง การรับอาสาสมัครต่างชาติมาทำงานในฟาร์ม แถมยังคอยคิดค้นดัดแปลง เครื่องมือสำหรับการผลิตพลังงานใช้เองในฟาร์มอีกด้วย
Ylwan och Kjell Sjelin