วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เบิกบานกลางคลื่นลม

เบิกบานกลางคลื่นลม

โดย พระไพศาล วิสาโล

ชีวิตของเราล้วนเปรียบได้กับการเดินทาง บนเส้นทางของแต่ละคน อาจจะเริ่มจากการเดินบนทางราบ สายลมเย็นที่ผ่านมาปะทะกับตัวเราผ่านมาแล้วผ่านไป ให้เรารู้สึกดี เย็นสบาย และคลายความอ่อนล้าจากการเดิน แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มเดินขึ้นเขา ทางชัน หรือมีพายุฝนผ่านมากระหน่ำ หนทางที่เราเคยเดินก็ไม่ได้ทำให้เรารื่นรมณ์เหมือนเคย แถมบางครั้งมีแต่จะโทษฟ้า โทษฝนมาทำไมหนอถึงได้ตกมาตอนนี้ แต่จะมีไหมนะที่เราหันมามองดูตัวเองว่า เราเองที่เป็นคนเลือกทางเดินเส้นนี้เอง แล้วทำไมเล่า ทีเรายังไม่ได้เตรียมร่มเพื่อป้องกันพายุฝน หรือ เตรียมที่จะดูการพยากรณ์อากาศ หนังสือ "เบิกบานกลางคลื่นลม" ก็เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของคนในสมัยนี้จริงๆ เนื้อหาของหนังสือได้รวบรวมจากการบรรยายของพระไพศาลให้แก่หน่วยงานต่างๆ เช่น สู่ชีวิตที่ดีงามและเป็นสุข(ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร), อยู่อย่างไรให้เป็นสุขในยุคเศรษฐกิจถดถอย, ธรรมะในงาน ธรรมะในใจ, ไม่ผลักไส ไม่ใฝ่หา(เนื้อหาในหลายๆเรื่องนี้เหมาะมากกับผู้อ่าน อิ อิ เพราะในยุคที่เราทำงานเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอยู่นี้ หลายครั้งที่เราหลงลืมการพิจารณาความสุขที่อยู่ ณ ปัจจุบันขณะ ใช้ปัญญา และสติในการเสพความสุขที่เราได้เป็นผู้ให้ ไม่เบียนเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนโลก ซึ่งพระไพศาลยังได้ยกตัวอย่างเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างมีความสุขไว้หลายอย่าง เช่น เด็กที่เข้าแข่งขันสะกดคำมีตัวเก็ง 2 คน แต่คนหนึ่งได้ตกรอบไป นักข่าวก็ได้ถามเด็กผู้ชายว่า "ดีใจไหมที่คู่แข่งได้ตกรอบไป" เด็กคนนั้นกลับตอบว่า "ไม่ครับ ครั้งนี้เป็นการแข่งขันกับคำ ไม่ใช่แข่งขันกับคน" มีอยู่หลายตอนที่พระไพศาลได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบสัจจะธรรมให้เห็นชัดมากขึ้นเช่นเรื่อง การรวมพลังการกัน เหมือนกับการทำงานเป็นทีม หรือที่ภาษาอังกฤษว่า "The whole is morn than the sum of its parts" หมายความว่าคุณสมบัติขององค์รวมมีค่ามากกว่าผลลัพธ์ของส่วนย่อยรวมกัน หมายความว่า 1 + 1 ไม่จำเป็นต้องแปลว่า 2 เสมอไป
ในหนังสือยังได้รวบรวมภาคสัมภาษณ์ไว้อีกเช่นกัน อาทิ ธรรมะกลางเมือง, สุขแท้ด้วยปัญญาและเพื่อนแท้-คู่แท้ ซึ่งจะเป็นบทที่ได้เรียนรู้เรื่องราวประสบการณ์ ชีวิตครั้งเมื่อยังเป็นฆราวาสของพระไพศาลอีกด้วย ทั้งนี้ก็หวังว่าผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ได้ลองค้นพบความสุขด้านในที่เราค้นหาได้ไม่ไกลตัวเพียงแต่ใจปัญญาใคร่ครวญ มีสติรู้ทันและมีความเพียรในการใฝ่รู้อย่างไม่ปิดกั้น ก็แค่นั้นเอง หนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อาจช่วยให้เราค้นพบตัวเองในมิติที่ลึกซึ้และตระหนักได้ว่า ความคิด และการวางใจของตัวเราเองก็มีส่วนที่ทำให้ตัวเราเองทุกข์มากน้อยเพียงใด การตระหนักรู้และวางใจอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เราพบทางออกจากทุกข์ที่ตนสร้างขึ้น อละสามารถรับมือกับเหตุการณืบ้านเมืองได้ดีขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: