วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552

ระหว่างทางที่เดิน


ให้ทุกวันเรียนรู้และฝึกฝน

ยังไม่ถึงกับนานนักที่ฉันเดินทางไปสถานที่แห่งหนึ่งที่เคยไปมาแล้วเมื่อสัก 4 ปีก่อน ครั้งนี้เพื่อร่วมทางไปกับเพื่อนๆที่ยังไม่เคยไป ในเส้นทางที่เคยมีประสบการณ์แล้วทำให้ฉันรู้สึกสบายๆ บันไดไม่กี่ร้อยขั้นกับผลลัพธ์ข้างหน้าคือการต้อนรับด้วยลมเย็นชื่นและภาพทิวทัศน์ที่น่าประทับใจ ถึงครึ่งทางเส้นเก่าฉันรู้สึกไม่มั่นคง เพราะหัวใจเต้นแรงและเจ็บหน้าอก เหมือนจะหายใจไม่ทัน ด้วยอากาศขณะนั้นร้อน แล้ง ไร้ร่มเงา มีเพียงฉันและน้องอีกคนหนึ่งจาก 8 คน ที่มีน้ำติดตัวมา เราแบ่งน้ำกัน ตอนนั้นฉันมองจุดหมายที่ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ฉันไม่มั่นใจเลยว่าฉันจะไปถึงได้ ด้วยอาการทางกายที่ปรากฏอยู่นั้นเหมือนชีวิตจะเปราะบาง ฉันโพร่งออกไปว่า “ไม่ไหวแล้วจะรออยู่ที่นี่นะ” หลายคนงึมงำลังเลในการไปอยู่นานคล้ายจะเกิดการถอดใจแบบอุปทานหมู่ ขณะที่ฉันมองจุดหมายและความเสียดายของหลายคนที่ยังไม่เคยไปหากจะหยุดที่นี่หรือหันหลังกลับ ฉันหันไปบอกกับเพื่อนๆว่า “ไป...เราจะไป”…รู้แล้วว่าจะไปถึงข้างบนได้อย่างไร “ให้ใจของเราอยู่กับการก้าวเดิน รู้ขณะที่ย่างเหยียบ อย่าให้ใจอยู่กับระยะทาง...ดีไหม” ทุกคนไม่ปฏิเสธที่จะทดลอง....และแล้วเราก็ไปถึง

มีความเปลี่ยนแปลงไปแล้วในสถานที่เดิม แต่สายลมเย็นชื่นยังมาต้อนรับเหมือนเคยฉันปลีกตัวไปที่มุมเดิมที่เคยนั่ง และมองภาพสวยงามอีกครั้ง สุขเพียงชั่ววูบของลมเย็นที่พัดผ่าน ฉันสูญเสียของที่รักและผูกพัน บนความรู้สึกที่ไว้วางใจและไม่คิดหวาดระแวง เวลานั้นฉันรู้สึกใจหายวาบและไม่รู้จะทำอย่างไร เริ่มว้าวุ่นอาลัยอาวรณ์ คำพระที่ว่า “สรรพสิ่งล้วนอนิจจัง”…มันไม่เที่ยง... ผุดขึ้นในหัวเพื่อปลอบใจตัวเอง เพื่อนๆเริ่มหันมาสนใจและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดกับฉัน ฉันบอก ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ดีแล้ว ดีแล้ว เดี๋ยวได้ของใหม่ เวลานั้นฉันยืนตัดใจ มองของรักที่ฉันเฝ้าถนอมตกอยู่ในมือที่ไม่เห็นคุณค่า ถูกแยกชิ้นส่วนอย่างไม่ใยดีต่อหน้าต่อตา และเวลานั้นเองน้องคนหนึ่งก็ถูกแย่งชิงของหวงแหนไปเช่นกัน ฉันตื่นจากภวังค์ไปในบทบาทใหม่ โกลาหลกันอยู่พักใหญ่ และหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามๆกัน พวกเรากลับลงมาพร้อมประสบการณ์ที่ประทับอยู่ในใจ

ไม่มีใครรู้ว่าข้างหน้ามีเหตุการณ์อะไรรอเราอยู่ และฉันไม่ทันคิดว่าในเส้นทางเดิมที่เคยประสบมาแล้วจะสร้างบทเรียนใหม่

บันไดไม่กี่ร้อยขั้นอันเก่าทำให้ฉันเห็น..สิ่งหนึ่งที่กำหนดระดับความเลวร้ายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..นั่นคือความคิดของเราเอง ความทุกข์หมองใจเกิดขึ้นเพราะเรามักเกาะติดอยู่กับสิ่งที่เราอยากให้มันเป็น ไม่ได้อยู่กับเหตุการณ์ ณ ขณะนี้ ความคิดมักพาเราท่องไปไกล ด่ำดิ่ง ไปกับสีสัน รสชาติของความสุข-ทุกข์ต่างๆนานาอย่างเคลิบเคลิ้ม

วันนี้แม้ฉันเองก็ยังเผลอคิดถึงสิ่งที่ผูกพันชิ้นนั้น...ก็เพียงรู้และกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง

เมื่อใดคิด...ก็รู้....รู้เร็ว....ก็กลับมาได้เร็ว

2 ความคิดเห็น:

เกษตรมนตรา กล่าวว่า...

ภาษา "มหาเทพ" จริงๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เขาเรียกว่า...เขียนด้วย "หัวใจ".....

...ฮิ้ววววว!!!....