วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คู่มือสร้างสุขในทุก ๆ วัน



คู่มือสร้างสุขในทุก ๆ วัน
Good Life Guide
นายแพทย์สมชาย สำราญเวชพร ผู้เขียน

สังคมเราทุกวันนี้เป็นสังคมแห่งวัตถุนิยม ผู้คนในสังคมต่างมุ่งแสวงหาเงินทอง ทรัพย์สิน อำนาจบารมี และความสะดวกสบายต่าง ๆ เพื่อมาเติมเต็มให้กับชีวิตของตนเอง และเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า ความสุข ที่คนเราปราถนาและไขว่คว้าที่จะมี เพื่อให้มีหน้ามีตาในสังคม พร้อมกันนี้สังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็มีตัวอย่างมากมายที่บอกเราได้ว่า “แม้จะรวยล้นฟ้า อำนาจวาสนาล้นมือ ก็ใช่ว่าจะมีความสุขได้อย่างแท้จริง” แต่การรับรู้ถึงความรู้สึกสุขได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะมีผู้คนห้อมล้อมเราอยู่หรือเมื่อเราต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ตาม นี้ต่างหากที่เรียกว่า ความสุขทางใจอย่างแท้จริง หนังสือเล่มนี้ได้พยายามสื่อความหมายของ ความสุขแท้จริง ว่าไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยภายนอก หรือวัตถุราคาแพงที่เราพากันแสวงหามาให้กับตัวเอง และมีรอยยิ้มแห่งความสุขกับมันเพียงชั่วคราวและก็หมดไป ทำให้ต้องหาใหม่มาเติมเต็มมันเรื่อยไป
เช่นเดียวกับความทุกข์ที่เราพบเห็น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอัตคัดขัดสน ไม่ได้ขึ้นกับโชคชะตาหรือฟ้ากำหนด “สุขหรือทุกข์” อยู่ที่ตัวเราเองต่างหาก ในยามที่เราเผชิญกับปัญหาหรือความทุกข์ เรามักจะมองไม่เห็น หรือไม่ก็ลืมมันไปสนิทใจว่าเราจะแก้กับมันอย่างไร ฉันชอบบทหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ คือ ลุกขึ้น ในบทนี้กล่าวไว้ออย่างน่าคิด ว่า “การเสียใจอาจยับยั้งไม่ได้ในคราวแรก แต่ในที่สุดแล้วคุณควรจะถามตัวเองว่า : “เราจะเสียใจไปอย่างนี้หรือ” , “เราจะเสียใจไปอีกนานสักเท่าไรถึงจะเพียงพอและสาสม” และ”ความเสียใจสามารถแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นได้บ้างไหม” เสียใจไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใด แต่ความเสียใจจะเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เราแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ ให้ดีขึ้นในคราวต่อไป จงเช็ดน้ำตา ล้างหน้า ส่องกระจก และแต่งตัวให้ดูดีเข้าไว้ เพราะคุณยังมีจุดมุ่งหมายอื่น ๆ ที่ต้องทำอีกมากมาย
ระบาย คุณรู้สึกอย่างไรกับคำนี้ แต่หนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันรู้สึกดีและเข้าใจความต้องการของตัวเองมากขึ้น “เขาบอกไว้ว่าเราจงระบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้กับคนใกล้ชิดได้ฟัง แม้มันจะเจ็บปวดและทรมานกับการรื้อฟื้นเรื่องที่ไม่อยากจะกล่าวถึง แม้ว่าน้ำตาจะนองหน้า แต่นั้นเป็นน้ำตาที่ช่วยชะล้าง ความทุกข์ ทรมานใจให้หมดสิ้นไป
ส่วนแรกของหนังสือได้พยายามให้เรามองกลับมาที่ตัวเรา และบอกเล่าให้เราเข้าใจความเป็นไปของสิ่งรอบข้างที่เป็นอยู่อย่างเข้าใจ เพื่อให้ลดความคาดหวังในตัวเราเองลง เข้าใจตัวเอง และค้นหาความสุขในตัวเราให้ได้
ฉันชอบคำกล่าวหนึ่งในบทหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ คือ “จงหลีกเลี่ยงคนไม่มีสาระ และไร้คุณภาพ แล้วชีวิตคุณจะมีความสุขขึ้นมากที่เดียว” คุณคิดว่า “มิตรภาพ คืออะไร บทหนึ่งในหนังสือนี้ได้ทำให้ฉันเข้าใจว่า “หากเราต้องการสร้างมิตรภาพที่กอปรด้วยความหวังดีต่อกัน
เราเองก็ควรเปิดใจยอมรับ ละทิฐิหรือข้อจำกัดทั้งปวงแล้วมิตรภาพของคุณก็จะมั่นคงและยั่งยืน
เนื้อหาในหนังสือไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ ยังมีหลาย ๆ บทที่พูดถึงสิ่งดี ๆ รอบตัวที่เราควรทำและฉันก็ได้เรียนรู้ว่า
อย่าทำอะไรมากเกินไป จนเป็นภาระต่อตนเอง
อย่าทำอะไรมากเกินไป จนเป็นผลเสียหายต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
อย่าทำอะไรมากเกินไป จนกระทั่งไม่มีงานชิ้นใดที่ออกมาดีเลย
อย่าทำอะไรมากเกินไป จนไม่มีเวลาสร้างสัมพันธภาพกับคนอื่น
อย่าทำอะไรมากเกินไป จนไม่มีเวลาศึกษาและพัฒนาตนเอง
สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ คือ การหาความสุขให้กับตัวเอง คำตอบเหมือนกำปั้นทุบดินใช่ใหม? แต่ฉันได้เรียนรู้ว่าหากเราพูดอะไรออกไปมากเท่าไร คำพูดเหล่านั้นจะกลับมาเป็นนายเรา การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองก็ใช่ว่าจะเห็นผลเร็ว แต่สำหรับฉันแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็มีส่วนในการเปลี่ยนความคิดบางอย่างของฉันไป และฉันก็รู้สึกมีความสุขกับตัวเองมากกว่าเมื่อก่อน และก็เริ่มความเข้าใจความต้องการของตัวเองมากขึ้น หนังสือเล่มนี้ยังมีบทสรุปแนวทางและวิธีการที่จะก้าวไปหาความสุขไว้อย่างน่าสนใจ คงอยากรู้แล้วสินะว่าบทสรุปจะเป็นเช่นไร ถ้าอย่างนั้นต้องลองหาอ่านดู
"ไม่ว่าจะเบี้ยว จะเอียง จะล้ม จะซวนเซ ก็จงยืนด้วยตัวเองเสมอ"

ไม่มีความคิดเห็น: